Custom Search

Search This Blog

Monday, March 18, 2013

TMB ลบ 1.42% กูรูแนะระมัดระวังเก็งกำไร หลังราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกระยะสั้นแล้ว

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2556 เวลา 11:47:01 น.
(ข้อมูลจากข่าวหุ้นธุรกิจ)


ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้น ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ณ เวลา 11.39 น. ลบ 0.04 บาท หรือ 1.42% มาที่ 2.78 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นที่ 577.93 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.30% ทั้งนี้ ราคาหุ้น TMB ปรับตัวขึ้นแรงจากระดับราคา 2.68 บาท ในวันที่ 13 มี.ค. มาแตะที่ระดับราคา 2.88 บาท ในวันที่ 14 มี.ค. ก่อนจะอ่อนตัวลงมาแตะที่ระดับราคา 2.78 บาท ในวันนี้ จากข้อมูล www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 2 แห่ง แนะนำ “ถือ” TMB จำนวน 1 แห่ง แนะนำ “ขาย” โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 2.54 บาท โดยปัจจุบันราคาหุ้น TMB เทรดที่ P/E 76.51 เท่า และ P/BV 2.29 เท่า
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (18 มี.ค.) ว่า เราคงคำแนะนำ “เก็งกำไร” หุ้น TMB เนื่องจากมุมมองบวกต่อกำไรเติบโตสูงในปี 56 และพื้นฐานแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่การปรับขึ้นของราคาหุ้นสะท้อนมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐานไปมากพอสมควรแล้วใน ระยะสั้น ดังนั้น การปรับขึ้นของราคาจะมีปัจจัยจากเรื่องข่าวการซื้อขายหุ้น TMB มากกว่า ดังนั้น ราคาหุ้นจึงมีความเสี่ยงผันผวนหากเรื่องการซื้อขายหุ้นไม่สำเร็จ เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 2.19 บาท อิงจาก Prospective P/BV ที่ 1.6 เท่า (ROE 12%, Ke 10%)
ขณะที่ เราประมาณการกำไรสุทธิปี 56 ที่ 5.84 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 263.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากค่าจ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลง และการเติบโตต่อเนื่องของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียม โดย TMB จะกลับมาเสียภาษีตามปกติที่ 20% เรามองว่า TMB ยังมีโอกาสสำหรับการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะด้าน NIM ที่อาจปรับขึ้นตามเป้าหมายที่ 3% (KSS คาดไว้ที่ 2.9%) หากสินเชื่อเติบโตสูงกว่าประมาณการ และหนี้เสียลดลง
นอกจากนี้ธนาคารไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายสำรองหนี้ฯ ซึ่งเป็นรายการที่ธนาคารสามารถบริหารจัดการให้ปรับลดลงได้ในปี 56 ขึ้นกับความสามารถในบริหารคุณภาพสินเชื่อให้ดีขึ้นในอนาคต
โดยในสัปดาห์ก่อน ข่าวที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศสนใจซื้อหุ้น TMB จากกระทรวงการคลังที่ถืออยู่ราว 26% และสนใจซื้อหุ้นจากกลุ่ม ING ที่ถือรวม 31% ส่งผลให้ราคาหุ้นตอบรับในทางบวกปรับสูงขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าแนวโน้มกำไรปี 56 จะเติบโตสูง และพื้นฐานของธนาคารแข็งแกร่งขึ้นมาก หลังจากกลุ่ม ING เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารใหม่ โดยเฉพาะการล้างขาดทุนสะสมสำเร็จในปี 53 และคุณภาพสินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้นมากจนทำให้ NPL ratio ปรับลดลงเหลือ 4.1% ในปี 55 จากที่เคยอยู่สูง 14.3% ในปี 51 แต่ราคาหุ้นซื้อขายที่ 2.1x P/BV และ 21.0x P/E 20 และธนาคารมี ROE ระดับต่ำที่ 10-12% เทียบกับค่าเฉลี่ยฯ ของกลุ่มซื้อขายที่ 1.8x P/BV 12x P/BV และมี ROE ของกลุ่มฯ ที่ 16% ดังนั้น การเข้าเก็งกำไร TMB จากเรื่องพันธมิตรต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากราคาสะท้อนการเก็งกำไรข่าว และปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้วในระยะสั้น