วันจันทร์ที่ 04 มีนาคม 2556 เวลา 15:54:30 น.
(ข้อมูลจากข่าวหุ้นธุรกิจ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด
(มหาชน) หรือ BJC ล่าสุด ณ เวลา 15.28 น. อยู่ที่ 86.25 บาท บวก 1 บาท หรือ
1.17% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 185.34 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น BJC
ปรับตัวขึ้นจากระดับราคา 61 บาท เมื่อต้นปี 56 ที่ผ่าน
และวิ่งขึ้นแตะที่ระดับสูงสุดที่ 92.75 บาท
หลังจากนั้นราคาหุ้นอ่อนตัวลงต่อเนื่องแตะที่ระดับ 82.75 บาท
และเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม
ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นกลับไปไกลกว่าผลการดำเนินงานในช่วงปี 55
ที่ผ่านมาซึ่งเติบโตเพียง 13% เท่านั้น
ขณะที่บริษัทจ่ายเงินปันผลค่อนข้างต่ำที่ 0.52 บาทต่อหุ้น
ในขณะที่ราคาหุ้นเหนือระดับ 80 บาท หรือให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่า 1%
(โดยได้จ่ายปันผลพิเศษไปแล้วในครึ่งปีแรกที่ 0.32 บาท)
สอดคล้องกับข้อมูลเชิงพื้นฐานจาก www.settrade.com ที่ให้ราคาเฉลี่ยของ BJC
อยู่ที่ 50.83 บาทเท่านั้น
หรืออีกนัยหนึ่งราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาพื้นฐานโดยเฉลี่ยประมาณ 70%
และอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 57.34 เท่า รองจาก
GLOBAL และ OFM
โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา BJC รายงานผลการดำเนินงานปี 55
มีกำไรสุทธิ 2,414.79 ล้านบาท หรือ 1.52 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13% จากปี 54
ที่มีกำไรสุทธิ 2,139.85 ล้านบาท หรือ 1.35 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค. 2555
ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2555 เป็นเงินสดในอัตรา 0.52 บาทต่อหุ้น
โดยจะขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 07 พ.ค. 2556
และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 2556
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 1 มี.ค.
ว่า คาดแนวโน้มยอดขาย 1Q56 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เป็นผลมาจากโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมในเวียดนาม (TBC-Ball)
คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
แต่อัตรากำไรอาจยังถูกกดดันอยู่บ้างจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
โดยรวมแล้วเรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 2,892 ล้านบาท (1.82 บาท/หุ้น)
เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่า TBC-Ball
จะมีผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นลำดับหลังจากเปิดเมื่อเดือน พ.ค.2555 ขณะที่
ไทยคอร์ปฯ เวียดนาม คาดจะฟื้นตัวจากขาดทุนได้
ทั้งนี้ ประเด็นเก็งกำไรว่า F&N จะมีการส่งคำสั่งซื้อให้ BJC นั้น
เราสอบถามไปยัง BJC พบว่าปัจจุบันยังไม่ได้มีการเจรจาและเตรียมการใดๆ
เพื่อรองรับคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์จาก F&N ขณะที่กำลังการผลิตขวดแก้วของ
BJC เต็มทั้งหมดแล้ว
โดยจะมีการขยายกำลังการผลิตโดยเพิ่มเตาเผาที่โรงงานสระบุรีในปี 2558
เพื่อที่จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนั้น
ยังไม่มีการเข้าซื้อกิจการที่จะส่งผลกระทบต่อประมาณการของ BJC
อย่างมีนัยสำคัญ เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมาย
แต่เชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นบวกดังกล่าวแล้ว เราจึงปรับคำแนะนำจาก
ถือ เป็น ขาย
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (4 มี.ค.) ว่า
แนะนำ 'ขาย' BJC ราคาพื้นฐาน 44.00 บาท ว่าคาดรายได้ปี 2556 เติบโตราว 15%
โดยปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตจะมาจากธุรกิจการบริโภค
อัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
ตามผลขาดทุนที่ลดลงของโรงงานบรรจุภัณฑ์กระป๋องแห่งใหม่ในเวียดนาม ทั้งนี้
เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ระดับ 24.8% เทียบกับ 24.1% ในปี 2555
สำหรับงบประมาณการลงทุนในปี 2556 นั้น BJC ตั้งเป้าไว้ที่ 7 พันล้านบาท
ซึ่งได้นับรวมการเข้าซื้อกิจการธุรกิจกระจายสินค้าในเวียดนามไว้ด้วยแล้ว
สำหรับการทำ M&A คือธุรกิจกระจายสินค้าในเวียดนาม BJC
ว่าจะได้ข้อสรุปในการเข้าซื้อกิจการกระจายสินค้าในเวียดนามเหนือ
ภายในไตรมาส 1/56 นี้ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัทฯ
ทั้งนี้ เราคาดว่าขนาดของธุรกรรมดังกล่าวจะน้อยกว่า 2 พันล้านบาท
การรับรู้รายได้คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่สูงนัก
เนื่องจากโดยปกติของธุรกิจประเภทนี้ จะมี NPM ค่อนข้างต่ำ (ราว 2%)
ปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” (จากเดิมเต็มมูลค่า) ราคาเป้าหมายคงเดิมที่ 44
บาท/หุ้น พิจารณาด้วยวิธี SOTP ปัจจุบันหุ้น BJC ซื้อขายกันที่ PE ในปี
2556 สูงถึง 47.5x ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มพาณิชย์
(ในแง่ของ PEG) ด้วยอัตราการเติบโตของธุรกิจหลักในระดับปานกลางที่ 27%
สำหรับปี 2556 ซึ่งคิดเป็น PEG 1.8x ทั้งนี้ เราชอบพื้นฐานธุรกิจของ BJC
และแนวโน้มการเติบโตที่สดใส
แต่ในมุมมองของเราเห็นว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบันนั้น
อยู่ในระดับที่สูงเกินไปแล้ว