Custom Search

Search This Blog

Thursday, March 7, 2013

"สายการบินนกแอร์" เล็งขายหุ้น IPO 187.5 ล้านหุ้น เข้า SET

วันพฤหัสบดีที่ 07 มีนาคม 2556 เวลา 10:34:41 น.
(ข้อมูลจากข่าวหุ้นธุรกิจ)


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยว่า บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 56 เนื่องจากบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน (IPO) จำนวน 187.50 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท 125 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 62.50 ล้านหุ้น เสนอขายโดยบริษัท Aviation Investment International จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย
ขณะที่ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท สกายเอเชีย จำกัด เป็นสายการบินราคาประหยัด (Low-Cost Airline) ที่ให้บริการขนส่งทางอากาศ ซึ่งครอบคลุมเส้นทางการบินมากที่สุดในประเทศไทย โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 56 ให้บริการเที่ยวบินทั้งหมด 23 เส้นทางการบิน ครอบคลุม 21 จุดหมายปลายทาง และมีเที่ยวบินทั้งสิ้น 497 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
โดยผลการดำเนินงานปี 55 บริษัทมีรายได้หลักรวม 8,217.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 504.7 ล้านบาท และ ณ 31 ธ.ค.55 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,252 ล้านบาท หนี้สินส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า 419.9 ล้านบาท และมีเจ้าหนี้อื่นที่เป็นรายได้รับที่ยังไม่รับรู้จำนวน 683.7 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 888.1 ล้านบาท
สำหรับ ณ วันที่ 28 ก.พ.56 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 625 ล้านบาท และทุนชำระแล้ว 500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังจาเสนอขาย IPO ในครั้งนี้จะมีทุนชำระแล้ว 625 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 28 ก.พ.2556 คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ถือหุ้น 245 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 49% หลังขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 39.2% และบริษัท Aviation Investment International จำกัด ถือหุ้น 125 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% หลังขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 10% หรือถือหุ้น 62.5 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าประมาณ 25% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี