วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2556 เวลา 12:56:31 น.
(ข้อมูลจากข่าวหุ้นธุรกิจ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
(มหาชน) หรือ BTS ปิดเที่ยงที่ 8.75 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.57%
มูลค่าการซื้อขาย 345.71 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น BTS
แกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องจากช่วงต้นปีที่ระดับราคา 7 บาท
หรือปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 25% โดยราคาหุ้นเคยวิ่งขึ้นไปแตะที่ระดับสูงสุดที่
8.95 บาท หลังจากนั้นอ่อนตัวลงมา และเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในวันนี้
(RSI=68.89อย่างไรก็ตาม บล.บัวหลวง มองว่า ราคาปัจจุบันของ BTS ค่อนข้างถูก
โดยซื้อขายที่ระดับ PEG ปี 2556/57 อยู่ที่ 1.0 เท่า
ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 3.3 เท่าอย่างมาก ขณะที่ข้อมูลจาก
www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 4 แห่ง แนะนำ
“ซื้อ” และ 3 แห่งแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” และอีก 2 แห่ง แนะนำ “ถือ”
บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” BTS โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 8.90 บาท
โดยระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (14 มี.ค.) ว่า
การขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (BTSGIF)
ที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งจะดึงดูดความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นได้ในระยะ
สั้น เราคิดว่าราคาหุ้นในขณะนี้แสดงถึงราคาขายที่ 5.0-5.5 หมื่นล้านบาทและ
15% holding discount ในการถือหุ้น VGI
หากราคาขายสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท (เกินช่วงราคาที่เคยมีการแจ้งไว้)
จะเป็นเซอร์ไพร์สเชิงบวกต่อตลาดและส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อไป
จากการประเมินมูลค่า ราคาหุ้น BTS ยังค่อนข้างถูก โดยซื้อขายที่ระดับ PEG
ปี 2556/57 อยู่ที่ 1.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 3.3
เท่าอย่างมาก
เราเชื่อว่าแผนการขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้น
ฐาน (BTSGIF) ของ BTS
จะช่วยหนุนให้กำไรหลักของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสองปีข้างหน้า
โดยมีปัจจัยหนุนดังนี้ 1) รายได้จากเงินปันผลจากการถือหุ้นใน BTSGIF
ที่สัดส่วน 33.33%, 2) รายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินสดที่ได้รับจากการขาย, 3)
ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการที่ได้รับจาก BTSGIF และ 4)
ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
(โดยให้สมมติฐานว่าเงินสดบางส่วนที่ได้รับจากการขายถูกนำไปชำระคืนหนี้)
จากการศึกษาของเรา (อ้างอิงจากราคาขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิที่ 60,000
ล้านบาท ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มีโอกาสอาจเกิดขึ้นสูงสุดในมุมมองของเรา)
พบว่า กำไรหลักของ BTS จะเพิ่มขึ้น 24% เป็น 2,328 ล้านบาท ในปี 2556/57
และเพิ่มขึ้น 15% มาอยู่ที่ 3,002 ล้านบาทในปี 2557/58
บริษัทมีแนวโน้มที่จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิให้
กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (BTSGIF) จากสมมติฐานช่วงราคาขายที่
50,000-60,000 ล้านบาท เราคาดว่า BTS จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายจำนวน
8,000-18,000 ล้านบาท (0.67-1.50 บาทต่อหุ้น) ในปี 2556/57
บริษัทอาจบันทึกกำไรพิเศษจากการขายได้สูงถึง 28,000 ล้านบาท (2.34
บาทต่อหุ้น) หากราคาขายอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท
เราได้ทบทวนวิธีการประเมินมูลค่าหุ้นสำหรับ BTS
และเราคิดว่าในขณะนี้วิธีประเมินมูลค่าหุ้นแบบ SOTP (sum-of-the parts)
เป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าวิธี DCF ซึ่งเราใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากบริษัท
วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI (โดย BTS
เข้าถือหุ้นอยู่ที่สัดส่วน 67.7%) ได้เข้าจดทะเบียนใน SET เรียบร้อยแล้ว
และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF (BTS จะถือหุ้นในสัดส่วน 33.33%)
กำลังจะเข้าจดทะเบียนในเร็วๆ นี้ จากการวิเคราะห์สถานการณ์จำลองของเรา
(อ้างอิงจากวิธีการประเมินมูลค่าแบบ SOTP
และช่วงราคาของการขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิอยู่ที่ 50,000-70,000 ล้านบาท)
แสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมาย (ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2557)
อีก 2-11%
บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ว่า คำแนะนำ “ซื้อ”
BTS และปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 10 บาท (จาก 7.8บาท) เพื่อสะท้อนถึง: 1)
การปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น และ 2) การปรับมูลค่าของธุรกิจสื่อโฆษณา
(VGI: +80% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
(กลุ่มอสังหาฯ: +40% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) เพิ่มขึ้น
ราคาเป้าหมายของเราประกอบด้วย มูลค่าธุรกิจระบบขนส่งมวลชนที่ 5.8 บาท/หุ้น
มูลค่าธุรกิจสื่อโฆษณาที่ 2.2 บาท/หุ้น (ราคาตลาด)
และมูลค่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 2.0 บาท/หุ้น (PBV 2 เท่า ยังต่ำกว่า
PBV ปี 56 เฉลี่ยของกลุ่มอสังหาฯ ที่ 2.6 เท่า) ปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น คือ
กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์
และแนวโน้มจ่ายเงินปันผลพิเศษหลังจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน