วันอังคารที่ 02 เมษายน 2556 เวลา 15:24:14 น.
(ข้อมูลจากข่าวหุ้นธุรกิจ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC ล่าสุด ณ เวลา 14.38 น. อยู่ที่ 0.56 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 6.67% มูลค่าการซื้อขาย 35.83 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น KMC อ่อนตัวลงต่อเนื่องจากระดับราคา 0.86 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดของปีนี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.56 (ราคานี้เป็นระดับราคาที่ปรับค่าแล้วหลังจาก KMC มีการปรับพาร์จากพาร์ 10 บาท เป็นพาร์ 20 บาท และขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา) หลังจากนั้นราคาหุ้นก็อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน KMC ยังถูกขึ้นบัญชีซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น (Cash Balance) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.-26 เม.ย.56 โดยล่าสุดราคาหุ้น KMC อ่อนตัวลงจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 0.86 บาทแล้วกว่า 34%
ทั้งนี้ KMC เพิ่มทุนจำนวน 4.2 พันล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ราคาหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 29 มีนาคม 2556 ถึงวันที่ 12 เมษายน 2556 และเพิ่มทุน 2.6 พันล้านหุ้นเพื่อรองรับสิทธิในการแปลงสภาพ KMC-W 3 สำหรับผู้ถือหุ้นเดิม และผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และรองรับ KMC-W2 จำนวน 25 ล้านหุ้น นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มทุนอีก 5 พันล้านหุ้นให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง รวมแล้ว KMC เพิ่มทุนใหม่อีก 1.2 หมื่นล้านหุ้น
หลังจากนั้นบริษัทจะลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมและส่วนต่ำมูลค่าหุ้น โดยการลดพาร์จาก 20 บาท เหลือเพียง 0.65 บาท เพื่อให้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้ง หลังจากกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยล่าสุดในงบเฉพาะของ KMC ในปี 55 บริษัทมีส่วนต่ำมูลค่าหุ้นอยู่ที่ 3.86 หมื่นล้านบาท และขาดทุนสะสม 1.58 พันล้านบาท
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการผู้จัดการ บริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ในปี 56 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้า 1 พันล้านบาท หลังจากได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม The Kris Extra พระราม 9 มูลค่า 1.1 พันล้านบาท หลังได้เทกโอเวอร์คอนโดมิเนียมดังกล่าวจากแบรนด์ Classe ของกลุ่มวิฑูร ธนากร ซึ่งหากขายได้ทั้งหมดก็จะสามารถรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้ จำนวน 1.1 พันล้านบาท เนื่องจากเป็นคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จแล้ว
นอกจากนี้ยังมีที่ดินเปล่าในพื้นที่ดังกล่าวที่เตรียมขยายโครงการในปี 57 จำนวน 4 อาคาร มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมขายในปี 58 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น